เป็นใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า ประเภทหนึ่งที่ใช้ประกอบเป็นหลักฐานในการขอรับสิทธิประโยชน์ทั่วไปทางภาษีศุลกากร ที่ประเทศพัฒนาแล้ว เช่น กลุ่มประเทศ EU และ ญี่ปุ่น ให้แก่สินค้าออกบางประเภทของประเทศกำลังพัฒนา เงื่อนไขการออก Form A จะเป็นไปตามที่ประเทศที่ผู้ให้สิทธิประโยชน์ กำหนด เช่น ต้องเป็นสินค้าที่ผ่านกระบวนการผลิตในประเทศที่จะได้รับสิทธิพิเศษนั้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 เป็นต้น
การขึ้นทะเบียนเป็นผู้ขอ Form A
เอกสารที่ต้องใช้ในการยื่นขอขึ้นทะเบียน Form A
- สำเนาคำขอขึ้นทะเบียนเป็นผู้ขอ Form A
- สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลไม่เกิน 6 เดือน
- สำเนาทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภพ.20)
- สำเนาใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (แบบ รบ.4) (กรณีที่เป็นโรงงานผู้ผลิต)
- เอกสารอื่น ๆ ตามที่กรมการค้าต่างประเทศพิจารณาเห็นสมควร (จะเรียกเฉพาะรายที่จำเป็น)S ให้ผู้มีอำนาจลงนามรับรองสำเนาถูกต้อง และประทับตราสำคัญของบริษัทในสำเนาเอกสาร
คุณสมบัติของผู้ขอยื่นขอขึ้นทะเบียน Form A ต้องเป็นนิติบุคคล ตามระเบียบที่กำหนดไว้ดังนี้
· บริษัทการค้าระหว่างประเทศ
· โรงงานผู้ผลิตสินค้า ชนิดที่ส่งออก
· ผู้ส่งออกทั่วไป
· ตัวแทนรับส่งสินค้า
การยื่นขอขึ้นทะเบียน Form A จะต้องยื่นที่กองสิทธิประโยชน์ทางการค้า หรือที่สำนักงานการค้าต่างประเทศ ที่ตนมีสำนักงานหรือมีการดำเนินการส่งออกภายในเขตอำนาจ หากปรากฏว่าคำขอถูกต้องผู้ส่งออกจะได้รับ เลขทะเบียนและเอกสารแสดงการขึ้นทะเบียน เพื่อแสดงต่อเจ้าหน้าที่ในกรณีที่ขอหนังสือรับรอง Form A โดยระบุหมายเลขทะเบียนไว้ในแบบคำขอหนังสือรับรอง Form A ทุกครั้งที่ขอ Form A และต้องดำเนินการต่ออายุการขึ้นทะเบียนให้เสร็จสิ้นก่อนอายุทางขึ้นทะเบียนจะหมดสิ้นลง ซึ่งการต่ออายุจะต่อให้ครั้งละ 1 ปี แบบคำขอขึ้นทะเบียนและแบบคำขอต่ออายุการขึ้นทะเบียน ผู้ส่งออกจะสามารถขอซื้อได้ที่สำนักบริหารการนำเข้าและส่งออก และสำนักงานการค้าต่างประเทศ
วิธีปฏิบัติการขอหนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า Form A
1. ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ขอหนังสือรับรอง Form A
- การยื่นขอ Form A ผู้ส่งออกจะต้องเป็นผู้ที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ขอ Form A หรือจดทะเบียนเป็นผู้ ส่งออกสินค้าใดสินค้าหนึ่งไว้กับกรมการค้าต่างประเทศ หรือเป็นสมาชิกสมาคมการค้าใดการค้า
หนึ่ง หรือเป็นสมาชิกสมาคมการค้าใดการค้าหนึ่ง หรือเป็นสมาชิกของสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย หรือสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
2. การยื่นคำขอหนังสือรับรอง
- ยื่นแบบคำขอหนังสือรับรองตามแบบที่กำหนด พร้อมด้วย Form A ซึ่งพิมพ์ข้อความ ครบถ้วน ถูกต้อง พร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้อง ได้แก่
- ใบกำกับสินค้า (Commercial Invoice) ต้นฉบับหรือสำเนาคู่ฉบับ
- ใบตราส่งสินค้า (Bill of Lading – B/L) หรือใบรับขนส่งสินค้าทางอากาศ (Air Way Bill) หรือเอกสารแสดงการขนส่งสินค้าอื่น ๆ ต้นฉบับหรือสำเนาคู่ฉบับ
- หนังสือรับรองอัตราส่วนต้นทุนการผลิตสินค้าทั่วไป หรือ
- หนังสือรับรองรายละเอียดขั้นตอนการผลิตสินค้าสิ่งทอ และผลิตภัณฑ์สิ่งทอ (ตามพิกัด 50-63) เฉพาะกรณีที่ส่งสินค้าสิ่งทอและผลิตภัณฑ์สิ่งทอไปสหภาพยุโรป สมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (นอรเวย์ สวิตเซอร์แลนด์) และญี่ปุ่น
หมายเหตุ
· สำหรับสินค้าที่ผลิตโดยวัสดุนำเข้า และ/หรือมีขั้นตอนการผลิตที่สลับซับซ้อน เช่น สินค้าภายใต้พิกัด 84 ขึ้นไป ผู้ส่งออกจะต้องยื่น หนังสือรับรองรายละเอียดขั้นตอนการผลิตต้นทุนและราคาสินค้า (ตามแบบที่กำหนด) ให้ฝ่ายตรวจสอบ กองสิทธิประโยชน์ทางการค้าตรวจสอบก่อนการยื่นขอหนังสือรับรอง
· สำเนาเอกสารให้ผู้มีอำนาจลงนาม และประทับตรารับรองความถูกต้องด้วย
3. การพิมพ์ข้อความในหนังสือรับรอง
ช่องที่ 1 ชื่อ ที่อยู่ ประเทศของผู้ส่งออก จะต้องถูกต้องตรงกันกับเอกสารที่ยื่น ประกอบ กรณีที่ต้องระบุทั้งชื่อผู้ ส่งออก และผู้ที่ยินยอมให้ทำการแทน ให้ ระบุชื่อที่อยู่ประเทศผู้ส่งออกและตามด้วย O/B (on behalf of) ชื่อ ที่อยู่ ประเทศของผู้ยินยอม หรือ ระบุชื่อ ที่อยู่ ของประเทศผู้ยินยอมให้กระทำการแทน และตามด้วย C/O (Care of) ชื่อ ที่อยู่ของผู้ส่งออก
ช่องที่ 2 ชื่อ ที่อยู่ ประเทศของผู้รับปลายทางหรือผู้ซื้อ
ช่องที่ 3 ระบุวิธีการขนส่ง เช่น by sea freight, by air freight, by parcel post ฯลฯ ใน กรณีที่ส่งผ่านประเทศอื่นให้แสดงชื่อประเทศ หรือเมืองท่าที่ส่งผ่าน ด้วย
ช่องที่ 4 ให้เว้นว่างไว้สำหรับเจ้าหน้าที่
ช่องที่ 5 ลำดับที่รายการสินค้า ให้เรียงลำดับ 1-2-3-4 ฯลฯ โดยให้ตรงกับรายการ สินค้าแต่ละรายการที่แสดงไว้ในช่อง 7
ช่องที่ 6 ระบุรายละเอียดเครื่องหมายบนหีบห่อของสินค้า (Shipping Mark) หาก รายละเอียดมีมากและไม่อาจระบุในช่อง 6 ได้หมด ให้ระบุมาเพียง 2-3 บรรทัดแรก แล้วต่อด้วย Details as per B/L or AWB No……………………....Deted………… ในกรณีที่ไม่มีเครื่องหมายบนหีบห่อ ระบุคำว่า Address หรือ No Mark
ช่องที่ 7 ระบุชื่อสินค้าและจำนวนหีบห่อโดยให้ระบุเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น ข้อความอื่น ๆ นอกเหนือจากนี้ เช่น คุณภาพสินค้า ราคาสินค้า ระเบียบในการนำเข้าประเทศต่าง ๆ เป็นต้น มิให้ระบุ การกรอกข้อความมิให้เว้นบรรทัด เมื่อจบรายการสินค้าแต่ละรายการแล้ว หากปรากฏว่ายังมี ช่องว่างในบรรทัดนี้ ให้พิมพ์เครื่องหมายดอกจัน 4 ดอก ปิดท้ายไว้และ เมื่อจบรายการสินค้าทั้งหมดแล้ว ให้ขีดเส้นใต้ปิดข้อความบรรทัดสุดท้าย พร้อมทั้งเส้นทะแยงมุมช่องว่างส่วนที่เหลือ
ช่องที่ 8 ระบุหลักเกณฑ์ว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้าของแต่ละประเทศให้ตรงกับสินค้าแต่ละ รายการ ดังนี้
(1) ในกรณีเป็นสินค้าที่ผลิตโดยใช้วัสดุของประเทศไทยทั้งหมด ให้ระบุอักษร “P”
(2) ในกรณีเป็นสินค้าที่ผลิตโดยมีวัสดุนำเข้าเป็นส่วนประกอบ ให้ใช้สัญลักษณ์ที่กำหนดไว้ ดังนี้
(2.1) ประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป (EU) นอรเวย์ สวิตเซอร์แลนด์ และญี่ปุ่น ใช้อักษร “ W ” ตามด้วยพิกัดอัตราศุลกากรของสินค้า เช่น
98.02
(2.2) บัลแกเรีย สาธารณรัฐเช็ค ฮังการี โปแลนด์ และรัสเซียใช้อักษร “ Y ” ตามด้วยร้อยละของต้นทุนวัสดุนำเข้าต่อราคา FOB. (ไม่เกินร้อยละ 50) เช่น
40%
กรณีสินค้าผลิตในประเทศผู้รับสิทธิพิเศษประเทศหนึ่งและส่งไปผลิตต่อใน ประเทศผู้รับสิทธิพิเศษฯ อีกประเทศหนึ่งให้ระบุอักษร “PK” แทนอักษร “Y”
(2.3) ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์
- ไม่ต้องระบุข้อความในช่อง 8
หมายเหตุ
- ในกรณีเป็นการส่งออกไปออสเตรเลีย ผู้ส่งออกสามารถรับรองใน Commercial Invoice (ตามข้อความที่กำหนด) หรือจะเลือกใช้ หนังสือรับรอง Form A แนบไปกับ Commercial Invoice โดยไม่ ต้องให้ทางราชการรับในช่อง 11 ก็ได้
- นิวซีแลนด์ ผู้ส่งออกรับรองด้วยตนเองในหนังสือรับรอง Form A หรือ FORM 59 A (ขอรับได้ที่สถานทูตนิวซีแลนด์) และไม่ต้อง ทางราชการรับรองในช่องที่ 11
ช่องที่ 9 ระบุน้ำหนัก (Gross Weight) ของสินค้า กรณีที่ไม่สามารถระบุ Gross Weight ให้ใช้ปริมาณอย่างอื่น ซึ่งไม่ใช่น้ำหนักแทนได้ เช่น carat, bundle
ช่องที่ 10 ระบุเลขที่ และวัน เดือน ปี ของ Commercial Invoice
ช่องที่ 11 ให้เว้นว่างไว้สำหรับเจ้าหน้าที่ลงนามรับรอง
ช่องที่ 12 ระบุประเทศนำเข้าปลายทาง ชื่อจังหวัด ที่ตั้งของบริษัท/ห้าง/ร้าน ผู้ ส่งออก (ตรงกับ ช่อง 1) วัน เดือน ปี ที่ยื่นขอหนังสือรับรอง พร้อมทั้ง เซ็นชื่อและประทับตราบริษัท / ห้าง / ร้าน
การขอรับสิทธิ GSP สำหรับสินค้าส่งไปสหรัฐอเมริกา
· สหรัฐอมริกาได้ออกประกาศยกเลิกการใช้ Form A เป็นหลักฐานประกอบการขอรับสิทธิพิเศษ ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2537 โดยให้ผู้ส่งออกปฏิบัติ ดังนี้
1. กรณีเป็นสินค้าที่ได้จากผลิตผลทั้งหมด (Wholly the growh. Product or manufacture) ในประเทศไทย ให้ผู้ส่งออกหรือผู้นำเข้ารับรองข้อความว่าเป็นผลิตผลทั้งหมดในประเทศใน Commercial Invoice
2. กรณีเป็นสินค้าที่นอกเหนือจากข้อ 1 ผู้ส่งออกไม่ต้องรับรองข้อความใด ๆ แต่ให้เก็บหลักฐานเกี่ยวกับการผลิตและการส่งออกทั้งหมดไว้อย่างน้อย 5 ปี หากศุลกากรสหรัฐฯ เรียกตรวจสอบให้ผู้ส่งออกแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับการผลิตและการส่งออกตามแบบที่สหรัฐฯ กำหนด
การขอรับสิทธิ GSP สำหรับสินค้าส่งไปแคนาดา
แคนาดาได้ปรับปรุงระเบียบปฏิบัติใหม่ในการขอรับสิทธิ GSP ตั้งแต่ 17 กันยายน 2540 เป็นต้นมา โดยผู้ส่งออกสามารถรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าได้ด้วยตนเอง โดยจัดทำเอกสารรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าของผู้ส่งออก (Exporter’s Statement of Origin) ลงในเอกสารทางการค้า เช่น ใบส่งสินค้าศุลกากรแคนาดา (Canada Customs Invoice) หรือ ใบกำกับสินค้า (Commercial Invoice) เป็นต้น หรือทำเป็นเอกสารแยกต่างหากก็ได้
No comments:
Post a Comment